ข้อควรระวัง เมื่อคิดจะใช้บริการเงินกู้

2017/02/24 17:10 PM

4,201 Views

ในยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นตามไปด้วย ปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย จึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปด้วย และหนึ่งในทางออกที่ใครหลายคนนำมาใช้แก้ปัญหาดังกล่าว ก็คือ ใช้บริการเงินกู้

เงินกู้คืออะไร ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่าย ๆ ก็หมายถึง การที่บริษัทใดหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จัดตั้งกองทุนขึ้นมา และเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถมายืมได้ โดยมีเงื่อนไขการชำระคืนที่เป็นระบบมีการบวกอัตราดอกเบี้ยการยืมเข้าไปด้วย เงินส่วนที่บุคคลหรือบริษัทให้ยืมนั่นแหละ ที่เรียกว่า เงินกู้ ซึ่งเงินกู้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ เงินกู้ในระบบที่จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยืมไว้อย่างชัดเจน อาทิเช่น ผู้ที่จะใช้บริการเงินกู้ในระบบ ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่ามีงานทำอย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง มีเงินเดือนอยู่ในระดับที่พอจะเจียดมาใช้หนี้ได้และต้องมีเครดิตบูโรอยู่ในระดับดีด้วย ไม่มีประวัติการหนีหนี้ เป็นต้น กับอีกแบบหนึ่ง คือ เงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยืม ใครอยากจะกู้ก็กู้ได้ แต่ก็พ่วงมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แพงกว่าปกติ บางแห่งคิดดอกเบี้ยมหาโหด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปมาก อีกทั้งยังมีรูปแบบการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย เช่น ทำลายข้าวของ ข่มขู่ลูกหนี้ เป็นต้น แต่บริษัทหรือบุคคลที่ให้กู้เงินนอกระบบและยังปฏิบัติตามกฎหมาย ก็มีอยู่มาก

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายคนคงจะรู้แล้วว่ารูปแบบของเงินกู้มีอะไรบ้าง ต่อไป เราจะมาดูข้อควรระวัง เวลาจะใช้บริการเงินกู้ ทั้งแบบในระบบและนอกระบบ ว่ามีอะไรบ้าง

ข้อแรกที่ผู้จะใช้บริการเงินกู้ควรระวังไว้ คือ ถ้าเป็นไปได้ พยายามกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในระบบจะดีกว่า เพราะอย่างที่บอกว่าแหล่งเงินกู้ในระบบจะมีตัวบทกฎหมายที่คอยควบคุมอยู่ จึงทำให้แหล่งเงินกู้ในระบบนี้มีอัตราดอกเบี้ยที่สมน้ำสมเนื้อ บางแห่งอาจจะแพงไปหน่อย แต่ก็อยู่ในลิมิตที่กฎหมายกำหนด ไม่คิดดอกเบี้ยแพงมาก เหมือนกับแหล่งเงินกู้นอกระบบ แถมตัวแหล่งเงินกู้ในระบบ ยังมีการคุ้มครองลูกหนี้ตั้งแต่แรกเริ่มเลย คือ จะไม่ให้กู้เด็ดขาด ถ้าเกิดสืบประวัติแล้วพบว่า ลูกหนี้ไม่น่าจะมีศักยภาพมากพอในการจะหาเงินมาใช้หนี้ หรือมีเครดิตบูโรที่ไม่ดี ซึ่งจะต่างจากเงินกู้นอกระบบ ที่ใครจะมากู้ก็ได้ ไม่สนว่าจะมีปัญญาใช้หนี้หรือเปล่า รู้แต่ว่าถ้าท่านไม่มีเงินมาใช้หนี้ละก็เตรียมตัวตายได้เลย

ข้อควรระวังในการใช้บริการเงินกู้ประการที่สอง คือ ผู้กู้ ควรจะเลือกจากแหล่งเงินกู้ที่มีวงเงินต่ำ ๆ ก่อน อย่างมากสุด ต้องไม่เกิน 20 เท่า ของเงินเดือนที่ได้รับแต่ละเดือน เพราะอย่าลืมว่าเมื่อกู้มาแล้ว ไม่ใช่ว่าใช้เงินคืนตามจำนวนที่กู้มาก็จบ มันต้องมีการบวกลบดอกเบี้ยเข้าไปด้วย มีหลายกรณีที่ผู้กู้มีเงินเดือนแค่ 10,000-20,000 บาท แต่กู้เงินด้วยวงเงินหลายล้าน สุดท้ายก็จบลงตรงที่ใช้หนี้เท่าไรก็ไม่หมดสักที เงินที่ได้แทนที่จะได้ตัดต้นไปบ้างก็โดนเอาไปลงดอกเบี้ยหมด และอีกอย่างหนึ่ง เงินกู้ที่มีวงเงินสูง ดอกเบี้ยก็ย่อมสูงตามไปด้วย เพราะฉะนั้น ขอให้ผู้ที่คิดจะใช้บริการเงินกู้ ระวังข้อนี้ไว้ให้มาก ๆ คิดถึงดอกเบี้ยและจำนวนเงินที่ต้องใช้หนี้เยอะ ๆ อย่าคิดแต่ภารกิจการใช้เงินเพียงอย่างเดียว

ข้อควรระวังข้อที่สาม คือ อย่าคิดว่าจะกู้เงินจาก “ที่ไหนก็ได้” ควรมีการสืบประวัติทุกครั้ง ว่าแหล่งเงินกู้ที่เราจะไปกู้นี้เคยมีประวัติอย่างไรบ้าง มีพฤติกรรมการขมขู่ ทำร้ายร่างกายลูกหนี้หรือเปล่าหรือเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ไหม เพราะถ้าเกิดผู้กู้หลงไปกู้เงินกับแหล่งที่มีประวัติไม่ดี ก็มีความเสี่ยงสูงกับการถูกขูดรีดดอกเบี้ยจนเกิดความเป็นจริง เหมือนอย่างในอดีตที่เคยมีคนไปกู้เงินจากแหล่งเงินกู้แหล่งหนึ่งเพียง 100,000 บาท แต่ไป ๆ มา ๆ ถูกเรียกให้คืนถึง 1,000,000 บาท โดยอ้างว่าดอกเบี้ยเพิ่มเสียอย่างนั้น ยิ่งถ้าเป็นแหล่งเงินกู้นอกระบบต้องเช็คประวัติให้ละเอียดยิบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหลังการกู้เงิน

ข้อควรระวังประการสุดท้าย สำหรับผู้ที่คิดจะใช้บริการเงินกู้ คือ เมื่อตัดสินใจจะกู้และทำเรื่องแล้ว เวลาเซ็นเอกสาร ขอให้อ่านสัญญาให้ละเอียดทุกครั้ง ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากโดยธรรมชาติ คนไทยมักมีคติว่า ยาวไปไม่อ่าน พอได้เอกสารอะไรมาก็ตั้งหน้าตั้งตาเซ็น แหล่งเงินกู้บางแห่งมีการสอดแทรกข้อกำหนดประหลาด ๆ มา กว่าผู้กู้จะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว เพราะได้เซ็นไปแล้ว ยิ่งแหล่งเงินกู้บางแห่ง ใช้วิธีให้กระดาษเปล่า ๆ มาเซ็นชื่อ จากนั้นก็เอาลายเซ็นไปตัดแปะบนสัญญาเงินกู้ โดยที่ไม่ได้ส่งให้ลูกค้าอ่านก่อน ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ขอให้ผู้กู้เรียกดูสัญญาเงินกู้ด้วยทุกครั้งและจงอ่านให้ครบทุกตัวอักษรก่อนทำการเซ็น ถ้าเป็นไปได้ให้พาคนในครอบครัวที่มีสายตาดีอยู่ไปด้วยทุกครั้งจะได้ช่วยกันอ่านให้มั่นใจว่าสัญญาเงินกู้มีความเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้กู้หรือบีบบังคับผู้กู้จนเกินไป

ข้อควรระวังในการใช้บริการเงินกู้ก็คงมีอยู่เพียงเท่านี้ ขอให้ผู้ที่คิดจะกู้เงินทุกท่าน นำเอาหลักการทั้ง 4 ข้อ ไปใช้งาน รับรองว่าการกู้เงินของท่านจะเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน

บัตรกดเงินสด

  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่ (A money)A money

    รายได้ต่อเดือน
    5,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    17-25%
  • ยูโอบี แคชพลัส (UOB Cash Plus)UOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี
  • บัตรกดเงินสด เคเคพี แคชการ์ด (KKP Cash Card)

    รายได้ต่อเดือน
    10,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    ไม่เกิน 25%

บัตรเครดิต

  • UOB PrivimilesUOB

    รายได้ต่อเดือน
    70,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • UOB Lady’s PlatinumUOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • UOB Preferred PlatinumUOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่บัตรกดเงินสด เอมันนี่
  • Citi Ready Credit
  • Citi Personal Loan
  • KTC Proud
  • Krungsri First Choice VISA

กลับสู่ด้านบน