หากไม่มีเงินจ่ายคืนเมื่อใช้บัตรกดเงินสดจะเกิดอะไรขึ้น

2017/02/27 16:13 PM

19,686 Views

บัตรกดเงินสดเป็นรูปแบบของสินเชื่อเงินสดประเภทหนึ่งที่เจ้าหนี้ซึ่งอาจจะเป็นธนาคาร สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินก็ได้อนุมัติวงเงินให้กับลูกค้าพร้อมกับให้บัตรกดเงินสดและรหัสเพื่อกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้โดยตรง เมื่อลูกค้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินสดฉุกเฉินแบบด่วนก็สามารถที่จะนำบัตรไปกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มตามยอดที่ต้องการ แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เท่านั้นและเมื่อกดเงินสดออกมาใช้ธนาคารก็จะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกไปจนกว่าจะนำเงินมาชำระคืน

การคืนเงินที่กดออกไปนั้นลูกค้าจะเลือกคืนแบบเต็มวงเงินหรือจะเลือกจ่ายคืนบางส่วนก็ได้ หากคืนเต็มวงเงิน วงเงินที่กดได้ก็จะกลับมาเป็นปกติทันที พร้อมกับดอกเบี้ยจะคิดจนถึงแค่วันที่นำเงินมาชำระคืนเท่านั้น แต่หากจ่ายคืนเพียงบางส่วน วงเงินก็จะกลับมาเท่ากับที่จ่ายคืนมาเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยนอกจากจะคิดเต็มยอดที่กดไปจนถึงวันที่ชำระเงินบางส่วน เงินต้นที่ค้างอยู่ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะนำเงินมาคืนในรอบถัดไป แต่อย่างไรข้อกำหนดของการจ่ายคืนบัตรเงินสดจะกำหนดไว้ว่าอย่างน้อยการจ่ายคืนจะต้องคืนเป็นจำนวนขั้นต่ำตามข้อกำหนด เช่น 300 บาท หรือ 500 บาท เป็นต้น

ตราบใดที่ลูกหนี้จ่ายคืนไม่ต่ำกับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ บัญชีบัตรกดเงินสดก็จะไม่มีปัญหา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายคืนได้แม้แต่ขั้นต่ำตามกำหนด นั่นเป็นปัญหาของการใช้บัตรกดเงินสดที่กำลังเริ่มจะก่อตัวขึ้น โอกาสที่จะเกิดปัญหาไม่มีเงินจ่ายคืนบัตรกดเงินสดนั้นถือว่ามีโอกาสสูงมากหากเราจ่ายแค่เพียงขั้นต่ำมาโดยตลอด เพราะดอกเบี้ยที่คิดนั้นคิดได้สูงสุดถึง 28% จะทำให้ดอกเบี้ยนั้นทบต้นไปเรื่อย ๆ กลายเป็นเงินขั้นต่ำที่เราจ่ายนั้นจ่ายเพียงแค่ดอกเบี้ยไม่ได้ไปตัดเงินต้นหรือหากเงินต้นมีจำนวนที่มาก การจ่ายขั้นต่ำของเราอาจตัดดอกเบี้ยยังไม่พอเสียด้วยซ้ำไป ทำให้เงินที่ค้างอยู่นั้นทบต้นมีดอกเบี้ยและทบไปเรื่อย ๆ กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่สามารถจ่ายได้ไหว

เมื่อมีเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถจ่ายบัตรกดเงินสดได้ไหวนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง มาดูกันค่ะ
•โดนทวงหนี้ หากเรายังจ่ายขั้นต่ำไปได้เรื่อย ๆ ก็เรียกว่าไม่มีปัญหา ธนาคารหรือสถาบันการเงินเขาชอบเพราะเขาได้ดอกเบี้ยจากเงินกู้ แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดจ่ายหรือจ่ายไม่ไหว ธนาคารจะโทรติดต่อเรามาทันทีเพื่อทวงหนี้ ในเดือนแรกจะเป็นการเตือนว่าเราลืมหรือไม่ หากลืมให้รีบนำไปจ่าย หากเรายังไม่จ่ายอีกเป็น 2 เดือน ธนาคารจะเริ่มโทรติดตามถี่ขึ้น หากไม่จ่ายครบ 3 เดือนหรือ 90 วัน หนี้บัตรกดเงินสดของเราจะถือเป็นหนี้เสียทันที ขั้นตอนในการทวงหนี้ของธนาคาร สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบการบัตรกดเงินสดจะค่อย ๆ เข้มข้นและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะติดต่อมาที่บ้าน ที่ทำงานและโทรศัพท์มือถือ การทวงอาจบ่อยจนทำให้เราเครียดและไม่เป็นอันทำงานได้เลยเหมือนกัน พนักงานทวงหนี้จะพูดหว่านล้อมต่าง ๆ นานา เพื่อให้เราพยายามใช้หนี้ รวมถึงการขู่ในขั้นตอนสุดท้ายด้วยว่าหากไม่ชำระหนี้จะส่งเรื่องฟ้องศาล
•ประวัติเสีย เมื่อไม่จ่ายหนี้บัตรกดเงินสดเกินกว่า 3 เดือน หรือ 90 วัน ประวัติในเครดิตบูโรของเราจะแสดงว่าเรามีหนี้บัตรกดเงินสดที่ค้างจ่ายอยู่เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งประวัติตรงนี้เองที่เมื่อเราจะทำเรื่องขอกู้ในอนาคตทำให้มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธได้
•โดนฟ้อง ก่อนฟ้องศาลธนาคาร สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบการบัตรกดเงินสดจะพยายามทวงหนี้ลูกหนี้เองเพื่อให้ลูกหนี้จ่าย เพราะไม่มีใครอยากยุ่งยากต้องดำเนินคดีที่ศาล แต่หากสุดท้ายเมื่อโดนทวงหนี้แบบหนัก ๆ และเราไม่มีเงินที่จะจ่ายได้จริง ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะจำเป็นต้องส่งกรณีของเราฟ้องไปที่ศาล เพื่อสุดท้ายให้ศาลตัดสินดำเนินคดีหรืออย่างน้อยก็มีคำสั่งศาลให้ธนาคารสามารถอายัดเงินเดือนของเราเพื่อนำไปชำระหนี้ได้

สำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรกดเงินสดจนไม่สามารถจ่ายได้ไหวนั้น หากเราทราบดีว่ามีปัญหาจ่ายไม่ไหวจริง ๆ เราอาจปรึกษาเพื่อขอประนอมหนี้กับทางเจ้าหนี้ที่เราถือบัตรกดเงินสดอยู่เพื่อให้เขาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้เราอยู่ในสถานะที่จะจ่ายหนี้คืนได้ดีขึ้น หรือไม่เราก็ต้องมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะกู้เงินเพื่อนำมาปิดหนี้บัตรกดเงินสดนี้ให้ได้ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่ดีกว่า คือ เปลี่ยนไปผ่อนจ่ายสินเชื่อส่วนบุคคลที่เราเลือกผ่อนรายเดือนแบบที่เราจ่ายไหวได้ แต่ต้องยอมเป็นหนี้นานหน่อยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำได้

เงินกู้ประเภทบัตรกดเงินสดนี้เป็นสินเชื่อเงินสดที่ถือว่ามีดอกเบี้ยแพงมาก เรียกว่าแพงที่สุดในเงินกู้ทุกประเภทเลยก็ว่าได้ ดังนั้น การใช้บัตรกดเงินสดควรใช้ต่อเมื่อฉุกเฉินหรือจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และเมื่อกดเงินสดไปใช้ควรรีบหามาคืนให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงและสุดท้ายจ่ายไม่ไหวและต้องเป็นปัญหาให้ตามเคลียร์กันแบบไม่รู้จบ จนเป็นหัวข้อที่ต้องมาเขียนกันแบบในวันนี้

บัตรกดเงินสด

  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่ (A money)A money

    รายได้ต่อเดือน
    5,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    17-25%
  • ซิตี้ เรดดี้เครดิต (Citi Ready Credit)Citi Ready Credit

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    24-25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี
  • ยูโอบี แคชพลัส (UOB Cash Plus)UOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี

บัตรเครดิต

  • ซิตี้ รีวอร์ด (Citi Rewards)Citi Rewards

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • ซิตี้ แคชแบ็ก (Citi Cashback)Citi Cashback

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • UOB PrivimilesUOB

    รายได้ต่อเดือน
    70,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่บัตรกดเงินสด เอมันนี่
  • Citi Ready Credit
  • Citi Personal Loan
  • KTC Proud
  • Krungsri First Choice VISA

กลับสู่ด้านบน