เคล็ดลับในการใช้บัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสด

2017/02/27 13:17 PM

3,865 Views

บัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อเงินสด หากใช้ให้ถูกวิธีก็จะเป็นเครื่องมือในการช่วยบริหารเงินให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเจ้าของบัตร แต่หากใช้ไม่เป็นไม่มีวินัยหรือไม่มีวิธีใช้ที่ถูกต้องบัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดเหล่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นยาพิษให้กับชีวิตได้ การใช้บัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดให้ได้ประโยชน์สูงสุดก็มีเกร็ดและเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามอยู่หลายประการ ซึ่งได้นำมาฝากกัน

ก่อนอื่นนั้นหลายคนคงได้ยินได้ฟังและรับข้อมูลเกี่ยวกับผลเสียของการใช้บัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดกันมามากมายแล้ว เช่นว่า การนำเงินในอนาคตมาใช้ การสร้างให้เกิดนิสัยใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเกินตัว เกินรายได้ที่มีและการเสียดอกโดยไม่ควรในจำนวนมาก เหล่านี้ก็เป็นด้านหนึ่งของผู้ที่ใช้บัตรไม่เป็นหรือไม่มีการบริหารจัดการในการใช้

แท้จริงบัตรกดเงินสดที่มีไว้ หากใช้ได้ถูกที่ถูกเวลาและใช้ในคราวจำเป็นก็ถือว่าเป็นประโยชน์และอาจจะช่วยให้ชีวิตผู้เป็นเจ้าของบัตรรอดพ้นจากวิกฤติในบางช่วงเวลาได้ ดูอย่างในสหรัฐอเมริการช่วงนี้ที่เศรษฐกิจซบเซาเป็นขาลงครั้งประวัติการณ์ของประเทศ การขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินและธนาคารเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะแม้แต่สถาบันการเงินหรือธนาคารเองก็ขาดแคลนเม็ดเงินเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นกัน

ชาวสหรัฐอเมริกาที่มีบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด รวมไปถึงสินเชื่อเงินสด เช่น สินเชื่อบุคคลประเภทต่าง ๆ แต่อาจจะไม่ได้นำออกมาใช้ก่อนหน้านี้หรือใช้น้อย ต่างนำบัตรกดเงินสดและสินเชื่อในวงเงินที่ตนมีออกมาใช้เพื่อช่วยพยุงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของครอบครัว นั่นทำให้คนกลุ่มนี้นำเงินล่วงหน้ามาใช้จ่ายในช่วงที่ผู้อื่นฝืดเคือง ทั้งเพื่อพยุงกิจการของตนเองให้รอดพ้น ประคองให้ไม่ล้มลงผ่านช่วงวิกฤติหรือใช้สำหรับกรณีที่ต้องการต่าง ๆ ต่างจากคนที่ไม่มีบัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อเงินสดที่ไม่มีหนทางหรือตัวเลือกใด ๆ

มีรายงานจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาว่า เพียงต้นปีในเดือนแรกเพียงเดือนเดียวนั้น ยอดสินเชื่อพุ่งขึ้นไปเป็นมูลค่าถึง 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็น 227,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ยอดค้างชำระสินเชื่อเพิ่มเป็น 83.325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นก็เพราะชาวสหรัฐมีรายได้ในทางอื่น ๆ ลดลง จึงต้องหันมาใช้สินเชื่อเงินสด บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต เพื่อประทังความเป็นอยู่ให้รอดพ้นช่วงวิกฤติไปได้ จากเรื่องราวดังกล่าวทำให้เห็นว่าบัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสด หากมีไว้เพื่อใช้ในคราวจำเป็นก็ถือว่าคุ้มและเป็นการรอบคอบต่อชีวิตที่ไม่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้

คำถามที่มักถามกันก็คือ แล้วสำหรับคนที่พลาดไปแล้วกับการใช้บัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดเกินตัวหรือเกินจำเป็นจนกระทั่งมีหนี้ท่วม ไม่สามารถจะชำระได้แม้แต่ชำระขั้นต่ำจะแก้ไขได้อย่างไรบ้าง สำหรับการแก้ไขในกรณีนี้มีหนทางและวิธีการที่จะมาแนะนำดังนี้ ก่อนอื่นต้องหาวิธีในการลดดอกเบี้ยที่เกิดจากบัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดเสียก่อน เพราะดอกเบี้ยของสินเชื่อประเภทนี้นับว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุด เนื่องจากดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดเป็นดอกเบี้ยที่เกิดการคิดคำนวณวันต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็นรายวัน วิธีการลดดอกเบี้ยมีดังนี้

1. เพิ่มอัตราในการผ่อนชำระ
การเพิ่มอัตราเงินในการผ่อนชำระ จากเดิมที่เคยผ่อนชำระขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 5% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 10% หากทำเช่นนี้ก็จะช่วยลดดอกเบี้ยลงได้ครึ่งหนึ่งและลดระยะเวลาในการผ่อนชำระลงได้อีกครึ่งหนึ่งเช่นกัน

2. รีไฟแนนซ์ไปยังบัตรอื่นวงเงินอื่น
การรีไฟแนนซ์ไปยังบัตรประเภทอื่นหรือวงเงินอื่น ก็เป็นวิธีการช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากบัตรกดเงินสด ได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้มากทีเดียวทุก ๆ 1% ที่ถูกลงจะช่วยลดการจ่ายดอกเบี้ยให้ประหยัดลงได้ถึง 6% ทีเดียว ถ้าอัตราดอกเบี้ยใหม่ถูกลง 2% หรือมากกว่านั้นก็เท่ากับว่าประหยัดและลดการจ่ายดอกเบี้ยไปได้มากกว่า 12%

3. ทั้งรีไฟแนนซ์และเพิ่มอัตราในการผ่อนชำระควบคู่กัน
วิธีนี้ถือว่าเป็นการปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็วและได้ผลดีที่สุด หากยิ่งสามารถมองหาจังหวะในการย้ายก้อนหนี้ไปยังบัตรหรือวงเงินอื่นในขณะที่มีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษได้ก็จะยิ่งเป็นผลดีมาก ๆ อีกด้วย

มาถึงเกร็ดที่ควรรู้อีกประการหนึ่งสำหรับการชำระงวดค่าบัตรกดเงินสดและสินเชื่อเงินสดวงเงินอื่น ๆ ที่คิดคำนวณดอกเบี้ยเป็นรายวัน แน่นอนว่าเมื่อมีการชำระเข้ามาสู่ระบบธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าของบัตร วงเงินและดอกเบี้ยจะได้รับการตัด ณ วันนั้น ๆ ที่จ่ายเข้ามาสู่ระบบและคิดรอบอัตราใหม่ที่คำนวณลดต้นลดดอกที่ถูกลง แต่ก็มีคนมากมายที่ไม่ทราบและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในการจ่ายโอนค่างวดที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เคาน์เตอร์ของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ โดยตรง โดยไม่ทราบเลยว่าเงินจำนวนนั้นจะยังไม่เข้าสู่ระบบของธนาคารหรือสถาบันการเงินต้นทาง ต้องใช้ระยะเวลาในการเคลียริ่งอีก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วันเปิดทำการ ดังนั้น ดอกเบี้ยในช่วง 3 วันนี้ก็ยังคงถูกคิดอยู่นั่นเอง

ทางที่ดีก็คือให้ไปจ่ายยังเคาน์เตอร์ของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ โดยตรงและนอกจากนั้น การจ่ายชำระสินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดควรจะจ่ายทุกครั้งทันทีที่พร้อมไม่ต้องรอบิลสรุปยอดมาถึงหรือรอเวลาให้ครบรอบบิล เพราะอย่าลืมว่าการคิดดอกเบี้ยนั้นถูกคำนวณเป็นรายวัน เมื่อชำระวันไหนก็ตัดดอกเบี้ยที่วันนั้นโดยทันที

บัตรกดเงินสด

  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่ (A money)A money

    รายได้ต่อเดือน
    5,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    17-25%
  • ซิตี้ เรดดี้เครดิต (Citi Ready Credit)Citi Ready Credit

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    24-25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี
  • ยูโอบี แคชพลัส (UOB Cash Plus)UOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี

บัตรเครดิต

  • ซิตี้ รีวอร์ด (Citi Rewards)Citi Rewards

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • ซิตี้ แคชแบ็ก (Citi Cashback)Citi Cashback

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • UOB PrivimilesUOB

    รายได้ต่อเดือน
    70,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่บัตรกดเงินสด เอมันนี่
  • Citi Ready Credit
  • Citi Personal Loan
  • KTC Proud
  • Krungsri First Choice VISA

กลับสู่ด้านบน