เพราะเหตุใดสินเชื่อเงินสดจึงคิดดอกเบี้ยแพง

2017/02/28 9:52 AM

3,753 Views

เงินกู้มีหลายประเภทและดอกเบี้ยที่คิดก็มากน้อยแตกต่างกันไปตามเงินกู้แต่ละประเภทด้วย อย่างเช่น ดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านก็จะถือต่ำกว่าสินเชื่อแบบอื่น ๆ ในขณะที่สินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยสูงลิ่ว บางคนสงสัยว่าเพราะเหตุใดสินเชื่อเงินสดจึงคิดดอกเบี้ยแพงกว่าสินเชื่อแบบอื่น ๆ เหตุผลที่อธิบายในเรื่องของดอกเบี้ยแพงนี้ก็เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

• คุณสมบัติของผู้ขอกู้ คุณสมบัติเรื่องของรายได้ที่กำหนดไว้สำหรับคนที่จะขอสินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสด มักจะกำหนดไว้ต่ำกว่าเงินกู้อื่น ๆ เช่น หากเป็นบัตรเครดิตจะกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นขอสมัครไว้ที่ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่สินเชื่อเงินสดอย่างบัตรกดเงินสดจะมีข้อกำหนดในเรื่องรายได้ขอผู้ขอสินเชื่อที่ผ่อนคลายกว่า เช่น ผู้ที่มีรายได้ 7,000-8,000 บาท ก็สามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้แล้ว รายได้แน่นอนจะเป็นตัววัดความสามารถในการชำระหนี้คืนของลูกหนี้ด้วย ลูกหนี้ที่มีรายได้ต่ำกว่าถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าที่จะผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารหรือผู้ประกอบการสินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดจึงต้องคิดดอกเบี้ยแพงเพื่อเป็นการชดเชยกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นนี่เอง

• วงเงินไม่มาก อนุมัติง่าย ด้วยวงเงินที่ไม่สูงมากของสินเชื่อเงินสดเปรียบเทียบกับสินเชื่ออื่น เช่น บ้านหรือรถยนต์ ทำให้การพิจารณาอนุมัตินั้นมีขั้นตอนที่ง่ายกว่า เอกสารที่จะต้องใช้ยื่นเพื่อขอสินเชื่อก็ไม่มากเท่ากับการขอเงินกู้ซื้อบ้านหรือรถยนต์ ด้วยนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่ง่ายกว่าสินเชื่อในแบบอื่นจึงทำให้ธนาคารหรือผู้ประกอบการสินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดต้องคิดดอกเบี้ยที่แพงกว่า เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงในการใช้นโยบายการปล่อยกู้ที่ผ่อนคลายกว่านี้ด้วย

• ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดเป็นเงินกู้ประเภทที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งก็หมายความว่าหากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารไม่มีหลักทรัพย์อะไรที่จะยึดเพื่อขายนำเงินมาชำระหนี้ได้เลย นอกจากทำการทวงหนี้และส่งเรื่องฟ้องต่อศาลเท่านั้น สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันแบบสินเชื่อเงินสดนี้ ธนาคารและผู้ประกอบสินเชื่อจึงจำเป็นต้องคิดดอกเบี้ยแพงกว่าเพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่เพิ่มจากการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ยึดกรณีที่ลูกหนี้เบี้ยวผิดนัดไม่จ่ายหนี้

• ไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกัน ไม่เพียงแต่สินเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดจะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ยังไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกันด้วย ซึ่งก็หมายถึงว่าไม่มีอะไรค้ำประกันเลยถือว่าธนาคารและผู้ประกอบการต้องรับภาระความเสี่ยงแบบสูงสุดกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ ธนาคารและผู้ประกอบจึงจำเป็นต้องคิดดอกเบี้ยแพงขึ้นก็ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นและมากกว่าสินเชื่อประเภทอื่นที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อรถยนต์

• คิดตามสถิติหนี้เสีย ดอกเบี้ยที่ธนาคารจะคิดสำหรับเงินกู้แต่ละประเภทก็ต้องมากพอที่จะชดเชยกับเปอร์เซ็นต์ของหนี้เสียของเงินกู้ประเภทนั้น ๆ ด้วย หนี้เสียที่เกิดจากสิณเชื่อเงินสดหรือบัตรกดเงินสดมีสถิติเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเงินกู้ประเภทอื่น ๆ ทำให้ธนาคารและผู้ประกอบการสินเชื่อเงินสดจะต้องคิดดอกเบี้ยที่แพงกว่าเพื่อให้ครอบคลุมกับโอกาสของหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น หักค่าดำเนินการทั้งหลายทั้งปวงแล้ว ธนาคารและผู้ประกอบการสินเชื่อเงินสดยังมีกำไรอยู่

• กำหนดเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่ายไว้น้อย สินเชื่อเงินสดอย่างบัตรกดเงินสดที่มีข้อกำหนดให้ลูกหนี้สามารถจ่ายแค่เพียงขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งจำนวนเงินขั้นต่ำที่จะต้องจ่ายนั้นก็ถือว่าน้อยมาก เช่น 300 บาท หรือ 500 บาท เทียบกับหนี้ที่บางคนกดเต็มวงเงินที่ให้สูงสุดถึง 5 เท่าของเงินเดือน

สมมติว่าใช้วงเงินเต็ม 5 เท่า เงินเดือน 7,000 บาท ใช้วงเงินไป 35,000 บาท แต่จ่ายแค่เดือนละ 500 บาท แบบนี้จะไม่ให้ดอกเบี้ยแพงก็คงไม่ได้ เพราะลำพังแค่ขั้นต่ำที่จ่ายยังไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้พอ ดอกเบี้ยคิดที่ 28% ต่อปี เท่ากับต่อเดือน 35,000 x 28% / 12 = 817 บาท (ดอกเบี้ยจริง ๆ จะคิดเป็นรายวัน ยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่าย) เท่ากับว่าแค่ดอกเบี้ยรายเดือนก็ตก 817 บาท เงินขั้นต่ำ 500 บาท ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยพอและไม่ได้ไปตัดเงินต้นเลย พอถึงงวดหน้าดอกเบี้ยก็จะเริ่มทบต้น หากยังจ่ายแค่ขั้นต่ำก็จะทบไปอีกเรื่อย ๆ จนหนี้แค่ 35,000 บาท กลายหนี้ก้อนใหญ่ที่มากเป็น 2-3 เท่าได้

สำหรับใครที่บอกว่าดอกเบี้ยของสินเชื่อเงินสดโดยเฉพาะบัตรกดเงินสดนั้นแพง ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะสาเหตุอย่างที่ยกตัวอย่างข้างต้นนี้เอง

• ไม่มีกำหนดระยะเวลาในการจ่ายคืนที่แน่นอน อย่างบัตรกดเงินสดที่เมื่อกดวงเงินออกไปใช้ลูกหนี้สามารถเลือกจ่ายเต็มวงเงินจะจ่ายบางส่วนหรือจะเลือกจ่ายเฉพาะขั้นต่ำก็ได้ ทำให้ธนาคารและผู้ประกอบการบัตรกดเงินสดต้องแบกรับความเสี่ยงในเรื่องของหนี้ก้อนหนี้ไปจนแล้วแต่ว่าลูกหนี้จะจ่ายคืนหมดเมื่อไหร่ ดังนั้น ธนาคารจึงต้องคิดดอกเบี้ยแพงเพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของกำหนดระยะเวลาในการได้เงินคืนนี้ด้วย

ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาทำให้สินเชื่อเงินสดและบัตรกดเงินสดนั้นมีดอกเบี้ยที่แพงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทอื่น ๆ สำหรับคนที่คิดว่าจะใช้วงเงินในบัตรกดเงินสดหรือขอเงินกู้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลก็ควรคำนึงถึงเรื่องของดอกเบี้ยที่แพงนี้ไว้ให้มากด้วย ใช้วงเงินหรือขอเงินกู้เมื่อจำเป็นเท่านั้นและต้องเป็นกรณีที่เราไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้นแล้วด้วย

บัตรกดเงินสด

  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่ (A money)A money

    รายได้ต่อเดือน
    5,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    17-25%
  • ซิตี้ เรดดี้เครดิต (Citi Ready Credit)Citi Ready Credit

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    24-25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี
  • ยูโอบี แคชพลัส (UOB Cash Plus)UOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี

บัตรเครดิต

  • ซิตี้ รีวอร์ด (Citi Rewards)Citi Rewards

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • ซิตี้ แคชแบ็ก (Citi Cashback)Citi Cashback

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • UOB PrivimilesUOB

    รายได้ต่อเดือน
    70,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่บัตรกดเงินสด เอมันนี่
  • Citi Ready Credit
  • Citi Personal Loan
  • KTC Proud
  • Krungsri First Choice VISA

กลับสู่ด้านบน