เทคนิคในการใช้บัตรกดเงินสดเพื่อไม่ให้มีปัญหาทางการเงินภายหลัง

2017/02/27 10:21 AM

3,511 Views

บัตรกดเงินสดเป็นบัตรที่ทางสถาบันการเงินออกให้บุคคลที่มีรายได้ขั้นต่ำ 8,000 – 15,000 บาท หรือมากกว่านั้นก็ได้ มีอายุการทำงานไม่น้อยกว่า 3 เดือน ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินเป็นผู้กำหนดไม่ต้องมีทรัพย์สินใด ๆ มาค้ำประกัน และมีความต้องการใช้เงินสดเผื่อฉุกเฉิน โดยไม่มีการเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ซึ่งจะต่างกับบัตรเครดิตที่มีการเสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดออกมาใช้ บัตรกดเงินสดเป็นการนำเงินสดออกมาใช้ก่อนในยามฉุกเฉินจริง ๆ และเมื่อมีเงินสดพร้อมต้องรีบจ่ายคืนทันที เนื่องจากดอกเบี้ยในการใช้บัตรกดเงินสดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุด คือ ประมาณ 28% ถ้าเรากดเงินสดออกมาใช้ผ่านบัตรเครดิตจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการใช้บัตรกดเงินสด โดยทั่วไปอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 20% ต่อปี แต่มีการคิดค่าธรรมเนียมการกดเงินสดออกมาใช้ด้วย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3-5% ของการกดเงินสดออกมาใช้ในแต่ละครั้ง

สำหรับเทคนิคการใช้บัตรกดเงินสด เนื่องจากบัตรกดเงินสดมีการคิดอัตราดอกเบี้ยการใช้เงินที่สูงมากและการคำนวณมีลักษณะเป็นรายวัน มีการคิดเงินสดตั้งแต่วันแรกที่เรากดเงินสดออกมาใช้ จนกระทั่งวันสุดท้ายของการคืนเงินหรืออาจจะต้องบวกจำนวนวันอีกประมาณ 3 วัน ดังนั้น เราควรใช้เงินสดในยามที่เราฉุกเฉินจริง ๆ และใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หากมีเงินเมื่อไหร่ให้รีบคืนทันทีจะทำให้เราเสียดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินที่น้อยที่สุด และหากเราคืนเงินช้าดอกเบี้ยจะทบต้นทบดอกไปเรื่อย ๆ

ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยสำหรับการใช้บัตรกดเงินสด หากเรากดเงินสดออกมาใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2558 เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท และจ่ายคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ดอกเบี้ยจะเริ่มถูกคำนวณตั้งแต่วันที่กดเงินออกมาใช้เป็นวันแรก ดังนั้น ในกรณีนี้มีการกดเงินสดออกมาใช้เป็นจำนวน 30 วัน เท่ากับเราต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน 460.27 บาท (20,000 คูณด้วย 28% หาร 365 วัน และคูณด้วย 30 วัน) รวมกับเงินต้น 20,000 บาท ดังนั้น เงินที่เราต้องจ่ายคืนทั้งหมดในวันที่ 31 สิงหาคม 2558 จะมียอดเงินทั้งหมดอยู่ที่ 20,460.27 บาท

สำหรับอัตราดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดอาจอยู่ระหว่าง 24-28% ต่อปี ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน ฐานรายได้ของลูกค้าและวงเงินที่อนุมัติ เป็นต้น และเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ดังนั้น หากเรามีเงินถึงแม้ว่าจะยังไม่ครบตามจำนวนที่เรากดจากบัตรกดเงินสดออกมาใช้ เราก็สามารถใช้คืนเป็นบางส่วนได้ โดยไม่ต้องรอใบแจ้งหนี้ของเดือนถัดไป เราสามารถใช้ใบแจ้งหนี้เดิมไปชำระที่ธนาคารที่ออกบัตรได้ทันที อัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณกับยอดเงินที่ยังเหลือค้างชำระอยู่เท่านั้น ทำให้จำนวนดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายลดลงได้ เนื่องจากยอดเงินค้างชำระที่ใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยลดลง และเมื่อเราชำระหนี้หมดเรียบร้อยแล้วดอกเบี้ยก็จะหยุดคิดทันที

นอกจากนี้ บัตรกดเงินสดยังมีข้อดีที่น่าสนใจอีกหลายประการ นอกจากการสมัครง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องมีทรัพย์สินใด ๆ มาค้ำประกัน ไม่ต้องมีบุคคลช่วยค้ำประกัน เกณฑ์รายได้ที่สามารถสมัครบัตรไม่สูงมากนัก สามารถใช้คืนเร็วเท่าไหร่ก็ได้ดอกเบี้ยจะหยุดคิดทันที เมื่อเราสมัครบัตรเพียงครั้งเดียวเราสามารถใช้ได้ตลอดไป เมื่อเราคืนเงินครบหมดแล้ว เรายังคงสามารถใช้เป็นเงินสดหมุนเวียนต่อไปได้และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมาย เช่น ยอดคะแนนที่สะสมจากการใช้บัตร เพื่อใช้สำหรับแลกของรางวัลต่าง ๆ หรือเลือกใช้สิทธิในการผ่อนสินค้า 0% เป็นต้น

บัตรกดเงินสดสามารถกดได้ทุกตู้ไม่ว่าจะของธนาคารไหนและอยู่ที่ใดก็ตาม โดยธนาคารที่ออกบัตรจะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น บางธนาคารสามารถใช้บัตรกดเงินสดได้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารที่ออกบัตรกดเงินสดเท่านั้น บางธนาคารสามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารที่ออกบัตรได้ทุกตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศไทย และมีบางธนาคารสามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่มีเครื่องหมายของกลุ่ม Pool ของแต่ละกลุ่มได้ทั่วโลก ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด

นอกจากนี้มีเทคนิคการชำระเงินสำหรับบัตรกดเงินสดที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากบัตรกดเงินสดเวลาชำระเงินจะมีการเสียค่าธรรมเนียมที่จุดบริการรับชำระเงินหรือเคาน์เตอร์ธนาคาร เราควรเช็คกับพนักงานด้วยว่าต้องใช้เวลาเคลียร์ริ่งกับธนาคารกี่วัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 3 วัน ให้เราคิดดอกเบี้ยรวม 3 วัน ที่ธนาคารต้องใช้เวลาเคลียร์ริ่งด้วย มิฉะนั้นหากใบแจ้งหนี้รอบต่อไปมาและมียอดดอกเบี้ยของ 3 วันค้างอยู่ เราจะต้องไปจ่ายอีกครั้ง นอกจากจะเสียเวลาแล้ว เรายังต้องเสียค่าธรรมเนียมการชำระเงินอีกรอบด้วย

อย่าลืมว่าวัตถุประสงค์ของการใช้บัตรกดเงินสด คือ การเบิกเงินสดสำรองสำหรับการนำมาใช้ในยามจำเป็น ฉุกเฉินหรือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจริง ๆ ไม่ควรใช้เงินสดสำรองจากบัตรกดเงินสดพร่ำเพรื่อหรือนำไปหมุนในการจ่ายหนี้บัตรเครดิต นอกจากจะทำให้วินัยในการใช้เงินของเราเสียไปแล้ว เรายังอาจมีปัญหาทางการเงิน ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจนเราจ่ายไม่ไหว ดังนั้น หากเราคิดจะใช้บัตรกดเงินสดต้องจำเป็นจริง ๆ คิดให้รอบคอบก่อนการกดเงินออกมาใช้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินขึ้นภายหลัง

บัตรกดเงินสด

  • บัตรกดเงินสด เอมันนี่ (A money)A money

    รายได้ต่อเดือน
    5,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    17-25%
  • ซิตี้ เรดดี้เครดิต (Citi Ready Credit)Citi Ready Credit

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    24-25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี
  • ยูโอบี แคชพลัส (UOB Cash Plus)UOB

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ดอกเบี้ยต่อปี
    25%
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี

บัตรเครดิต

  • ซิตี้ รีวอร์ด (Citi Rewards)Citi Rewards

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • ซิตี้ แคชแบ็ก (Citi Cashback)Citi Cashback

    รายได้ต่อเดือน
    15,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี*
    อายุคะแนนสะสม
    ไม่มีวันหมดอายุ
  • UOB PrivimilesUOB

    รายได้ต่อเดือน
    70,000 บาท
    ค่าธรรมเนียมรายปี
    ฟรี มีเงื่อนไข
    อายุคะแนนสะสม
    2 ปี (นับตั้งแต่วันที่บันทึกรายการ)
  • A money
  • Citi Ready Credit
  • KTC Proud
  • KTC Credit Card

กลับสู่ด้านบน