มีหลายคนสงสัยว่าบัตรกดเงินสดกับบัตรเครดิตบัตรไหนดีกว่ากัน ก่อนจะหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ได้นั้น เราต้องมาดูรายละเอียดของบัตรที่เป็นสินเชื่อเงินสดทั้งสองแบบกันก่อนว่ามีสิ่งใดที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันบ้าง

บัตรกดเงินสด บัตรกดเงินสดเป็นบัตรที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นบัตรที่อนุมัติเพื่อให้สามารถใช้กดเงินสดออกมาใช้ได้ เป็นสินเชื่อเงินสดประเภทหนึ่งโดยเป็นการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ผู้ที่ออกบัตรกดเงินสดในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่ธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารด้วย บัตรกดเงินสดที่เราเห็นและได้ยินชื่อกันก็มี บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อย, บัตรกดเงินสดยูเมะ พลัส, บัตรกดเงินสด A money, บัตรกดเงินสด KK Cash และบัตรอิออน

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถสมัครขอบัตรกดเงินสดก็จะมีเรื่องของรายได้ขั้นต่ำเป็นหลัก ส่วนมากหากเป็นบัตรกดเงินสดที่ออกโดยธนาคารมักจะกำหนดรายได้ขั้นต่ำไว้ที่ 15,000 บาทต่อเดือน เหมือนกับบัตรเครดิต บางแห่งก็กำหนดไว้ผ่อนคลายกว่าที่ 10,000 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ประกอบการบัตรกดเงินสดที่ไม่ใช่ธนาคารก็จะมีนโยบายในการปล่อยสินเชื่อประเภทบัตรกดเงินสดที่ผ่อนคลายกว่า อย่างรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่สมัครบัตรกดเงินสดก็ไม่ถึง 10,000 บาท หากมีรายได้ 7-8,000 บาท ก็สามารถสมัครบัตรกดเงินสดไว้ใช้ได้

ธนาคารหรือผู้ประกอบการบัตรกดเงินสดบางแห่ง มักใช้บัตรกดเงินสดเป็นช่องทางในการปล่อยกู้รวมกับสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น สินเชื่อบุคคลจัสแคชของธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือบัตรอิออน หรือบางแห่งก็ใช้บัตรกดเงินสดเป็นบัตรผ่อนสินค้าได้ด้วย เช่น บัตรสินเชื่อส่วนบุคคลธนชาต Flash Plus, บัตรกดเงินสดยูเมะ พลัส ,บัตรอิออน หรือซิตี้แบงก์เรดดี้เครดิต เป็นต้น

การอนุมัติบัตรกดเงินสดนั้นธนาคารจะอนุมัติเป็นวงเงินที่ลูกค้าสามารถใช้ได้สูงสุด เช่น 5 เท่าของเงินเดือน เป็นต้น ลูกค้าจะสามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้สูงสุดเท่าที่วงเงินกำหนดไว้ แต่กดเงินสดเต็มวงเงินแล้วจะไม่สามารถกดเงินสดได้อีก ส่วนการคิดดอกเบี้ยนั้น บัตรกดเงินสดจะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกกดเงินสดออกมาใช้และคิดดอกเบี้ยจนถึงวันที่ชำระคืน บัตรกดเงินสดโดยมากจะไม่คิดค่าธรรมเนียมไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมจากการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มหรือค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี หากลูกค้าต้องการทำบัตรกดเงินสดไว้เพื่อเป็นวงเงินในกรณีฉุกเฉินและไม่ได้กดเงินสดออกใช้ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องจ่ายเลย

บัตรเครดิต บัตรเครดิตเป็นบัตรที่ธนาคารออกให้กับผู้ถือบัตรเพื่อนำไปใช้ในการรูดจ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ นอกจากนั้นบัตรเครดิตยังสามารถใช้เพื่อกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในกรณีฉุกเฉินได้ด้วย โดยวงเงินที่ใช้ได้ก็จะเท่ากับวงเงินที่เหลืออยู่ในบัตรเครดิต

คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครบัตรเครดิตได้นั้นตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะสมัครไว้ที่ 15,000 บาทต่อเดือน ทำให้ผู้ที่จะสมัครบัตรเครดิตได้จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำตามที่กำหนดนี้เท่านั้น หากมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็จะไม่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้

บัตรเครดิตอย่างที่บอกว่าเป็นบัตรที่ใช้รูดเพื่อจ่ายค่าสินค้าแทนเงินสดและกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในกรณีฉุกเฉินได้แล้วนั้น บัตรเครดิตยังสามารถใช้ประโยชน์ที่หลากหลายอย่างอื่นได้อีก เช่น ใช้ซื้อของผ่านทางออนไลน์ ใช้จองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วหนัง ฯลฯ ใช้ผ่อนสินค้าที่ร่วมรายการโดยไม่เสียดอกเบี้ยหรือเมื่อเดินทางไปต่างประเทศบัตรเครดิตยังสามารถใช้รูดซื้อของที่ต่างประเทศได้ด้วย

การใช้บัตรเครดิตเพื่อรูดใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ หากลูกค้าจ่ายเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดที่แจ้งไว้ในใบแจ้งยอดก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะธนาคารมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยให้ แต่หากจ่ายเพียงบางส่วนหรือจ่ายขั้นต่ำส่วนของเงินที่ค้างอยู่ก็จะถูกคิดดอกเบี้ย โดยธนาคารจะคิดย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่ทำการรูดเพื่อซื้อของหรือบริการนั้น

กรณีของการใช้บัตรเครดิตเพื่อกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในกรณีฉุกเฉินนั้นจะถือว่าเป็นเงินกู้ทันที และมีการคิดค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด บางธนาคารก็คิดที่ 2% บางธนาคารก็คิดที่ 3% แล้วแต่ และลูกค้าจะเลือกจ่ายเงินคืนเต็มจำนวนหรือจ่ายขั้นต่ำก็ได้เช่นเดียวกันและหากเป็นการกดเงินสดโดยใช้บัตรเครดิตจะไม่มีเวลาปลอดดอกเบี้ยเหมือนกับการใช้เพื่อรูดซื้อสินค้าหรือบริการ ดอกเบี้ยจะคิดตั้งแต่วันแรกที่กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเลย

บัตรกดเงินสด กับ บัตรเครดิต บัตรไหนดีกว่า
บัตรกดเงินสดกับบัตรเครดิตบัตรไหนดีกว่ากันนั้น ขอสรุปเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1.บัตรเครดิตมีช่องทางในการเลือกใช้ที่หลากหลายกว่า เช่น ใช้รูดซื้อสินค้าบริการ ใช้กดเงินสด ใช้จองตั๋วหนัง โรงแรมและใช้ซื้อของออนไลน์ ในขณะที่บัตรกดเงินสดใช้เพื่อกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มและผ่อนสินค้าเท่านั้น
2.บัตรกดเงินสดไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ในขณะที่บัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่ 2-3%
3.บัตรกดเงินสดสมัครง่ายกว่า ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสดบางแห่งกำหนดคุณสมบัติรายได้ไว้ที่ไม่ถึง 10,000 บาทเท่านั้น และการอนุมัติก็ง่ายกว่าบัตรเครดิตด้วย รวมถึงเรื่องของวงเงินบัตรกดเงินสดที่มักจะอนุมัติให้มากกว่าบัตรเครดิตด้วย
4.บัตรกดเงินสดจะไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี ในขณะที่บัตรเครดิตของธนาคารหลายแห่งจะมีการคิดค่าธรรมเนียมรายปี ยกเว้นว่ามียอดการใช้จ่ายถึงตามที่กำหนดไว้ธนาคารจึงจะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้
5.บัตรกดเงินสดคิดดอกเบี้ยสูงกว่าบัตรเครดิต ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดสามารถคิดสูงสุดได้ถึง 28% ต่อปี ในขณะที่บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะคิดดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 20% ต่อปี เท่านั้น

คำตอบของคำถามที่ว่าบัตรกดเงินสดกับบัตรเครดิตบัตรไหนดีกว่ากันนั้น จึงไม่สามารถบอกแบบฟันธงได้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการใช้งานในรูปแบบไหน แต่หากจะมองแต่เฉพาะเรื่องของการกดเงินสดฉุกเฉินจากตู้เอทีเอ็มเท่านั้น การใช้บัตรกดเงินสดเพื่อกดเงินเป็นเงินกู้จะดีกว่าใช้บัตรเครดิตเพราะบัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียม 2-3% ในการกดเงินสดแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตต่างก็คิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉินและเลือกวิธีกดเงินสดออกมาใช้ ควรมั่นใจว่าจะมีเงินในอนาคตเพื่อมาคืนเงินสดที่กดออกมานี้ เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยทบต้นจนกลายเป็นหนี้ที่มีจำนวนเยอะทำให้มีปัญหาและไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ในที่สุด